มาเรสก้าถูกตั้งคำถามหลังเลือกปรับทีมถึง 7 ตำแหน่งในเกมที่บากู แต่บอร์ดบริหารเชลซียืนยันว่าไม่มีปัญหากับแนวทางดังกล่าว เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวในการรักษาความสดของนักเตะตลอดฤดูกาลที่ต้องลงแข่งถึง 4 รายการใหญ่ โดยมองว่า “การหมุนเวียน” คือแนวทางที่ชาญฉลาดและสอดคล้องกับโครงสร้างทีมที่มีขุมกำลังลึกในทุกตำแหน่ง

ฤดูกาลนี้ “สิงห์บลูส์” เป็นทีมที่เปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะไม่มีเวลาพรีซีซันเต็มรูปแบบหลังจบศึกสโมสรโลก รวมถึงมีนักเตะหลักบาดเจ็บหลายราย เช่น เปโดร เนโต้, โคล พาล์มเมอร์, ลีวาย โคลวิลล์ และ เบอนัวต์ บาเดียชิล ด้าน มอยเซส ไกเซโด้, เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ และ เจา เปโดร ต่างก็มีอาการเจ็บรบกวนเล็กน้อย

มาเรสก้าวางแผนพัก ไกเซโด้ และ แฟร์นานเดซ ไว้สำรองในเกมกับคาราบัค แต่ต้องเปลี่ยนแผนเมื่อ โรเมโอ ลาเวีย เจ็บต้นขาตั้งแต่นาทีที่ 8 ทำให้ต้องส่งไกเซโด้ลงมาแทนทันที โดยทั้งคู่คาดว่าจะกลับมาเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้ที่เชลซีจะเปิดบ้านพบวูล์ฟส์

เกมที่บากูถือเป็นการเดินทางกว่า 5,000 ไมล์ ทำให้ทีมต้องรับมือกับความเหนื่อยล้าและการเปลี่ยนเวลาเดินทาง แต่มาเรสก้ายืนยันว่าทีมไม่ได้ประมาท โดยส่งแข้งหลักอย่าง รีซ เจมส์, มาร์ค คูคูเรญ่า และผู้รักษาประตู โรเบิร์ต ซานเชซ ลงตัวจริง

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นดาวรุ่งบางรายยังไม่สามารถปรับตัวได้ดีนัก โดยเฉพาะ จอร์เรล ฮาโต้ กองหลังวัย 19 ปี ที่เล่นผิดพลาดหลายครั้ง รวมถึง อันเดรย์ ซานโตส, ไทริค จอร์จ และ เจมี กิตเทนส์ ที่ถูกเปลี่ยนออกตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก ทว่าบอร์ดเชลซีเข้าใจว่านักเตะกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องเพื่อเรียนรู้ระบบของมาเรสก้า

เชลซีและกุนซือวัย 44 ปีรายนี้ทำงานร่วมกับทีมผู้อำนวยการกีฬาอย่างใกล้ชิด โดยทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่านโยบายหมุนเวียนนักเตะคือหัวใจสำคัญของทีมยุคใหม่ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บและรักษาความพร้อมสำหรับเกมใหญ่ในช่วงสำคัญของฤดูกาล

แม้ผลงานจะยังไม่สม่ำเสมอ — เคยเสมอเบรนท์ฟอร์ดหลังพักแข้งตัวหลัก แต่ก็เอาชนะอาแจ็กซ์, ลินคอล์น และวูล์ฟส์ ได้ด้วยทีมสำรอง — แต่เชลซียืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนนโยบายนี้ และจะยืนหยัดหนุนหลังมาเรสก้าในทั้งยามชนะและยามสะดุด เพราะเชื่อว่าแนวทางนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวของสโมสร